วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร


         น้องๆ เยาวชนคงจะได้รับรู้เกี่ยวกับเพศศึกษากันมาบ้างนะครับ.....นับว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้ามเลย ซึ่งในวัยนี้อะไรๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะฮอร์โมนในร่างกาย มีผลกระตุ้นให้มีความสนใจกับเพศตรงข้าม รวมทั้งแรงขับตามธรรมชาติ ที่ทำให้ใคร่รู้ ใคร่ลอง ในเรื่องเพศ จนเป็นปัญหาที่วัยรุ่นปัจจุบันประสบปัญหากันมากมาย ในโอกาสนี้เมนู "ภูมิคุ้มกันชีวิต" ขอนำเสนอกลวิธีการป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันสมควร ให้น้องๆ เยาวชนได้รับรู้ไว้เป็นเกราะป้องกันตนเพื่อชีวิตที่ดีกว่า...มีคุณค่า น่านับถือตนเองได้ มาเรียนรู้ถึงบันได 13 ขั้น นำพาให้พ้นภัยได้ ดังนี้ 

         1. เรียนรู้ถึงความคิดต่างกันของหญิงชายในเรื่องเพศ
         ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์ได้โดยไม่มีความรัก ขณะที่ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์เพราะความรัก ผู้ชายมองการมีเพศสัมพันธ์ว่าเป็นการหาความสุขร่วมกันและไม่ต้องผูกพัน ขณะที่ผู้หญิงเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับชายใดจะต้องการมีความผูกพันกับชายคนนั้น หลังจากมีเพศสัมพันธ์ ผู้ชายไม่ได้คิดว่าจะต้องมีความผูกพันอะไรต่อไป ขณะที่ผู้หญิงคิดว่าเมื่อมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว เธอจะต้องมีความผูกพันกับชีวิตเขา จึงเรียกความรับผิดชอบจากผู้ชาย ความตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างชายหญิง จะเป็นการป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่คาดคิด ซึ่งจะนำปัญหาต่าง ๆ มากมายที่ยากแก่การแก้ไข 

         2. วัยรุ่นชายควรคิดเสมอว่าวัยรุ่นหญิงเป็นเพศเดียวกับแม่ พี่น้อง ควรช่วยเหลือและให้เกียรติ 

         3. ควรหลีกเลี่ยงการถูกเนื้อต้องตัว เพราะอาจนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่คาดคิดได้ 

         4. ควรหลี่กเลี่ยงการไปพักค้างคืนร่วมกันเป็นหมู่คณะ หรือตามลำพังโดยไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแล 

         5. ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ด้วยกันตามลำพังในที่ลับตาคน 

         6. ควรหลีกเลี่ยงการไปในสถานที่เปลี่ยว โรงแรมและสถานเริงรมย์ทุกรูปแบบ 

         7. ควรหลีกเลี่ยงการมีนัดหมายกับเพศตรงข้ามในยามวิกาล 

         8. ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสารเสพติดทุกชนิด 

         9. วัยรุ่นหญิงควรแต่งกายเรียบร้อย และมิดชิด ไม่ควรแต่งกายในลักษณะที่ยั่วยุ ให้ผู้พบเห็นเกิดอารมณ์ทางเพศ เช่น เสื้อสายเดี่ยว เสื้อเกาะอก กระโปรงสั้น และกางเกงรัดรูปเกินไป 

         10. หลีกเลี่ยงการคบเพื่อนหรือออกเที่ยวกับเพื่อนต่างเพศที่ไม่รู้จักดีพอ 

         11. ควรหลีกเลี่ยงการออกเที่ยวหรือเดินทางในยามวิกาล หรือการเดินทางในที่เปลี่ยว 

         12. วัยรุ่นชายหญิงควรวางตัวต่อกันอย่างสุภาพ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน และไม่ควรมีการล่วงเกินทางเพศ หรือวางตัวสนิทสนมใกล้ชิดเกินไป 

         13. การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ในสถานการณ์ที่เหมาะสม(การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง เป็นทางออกที่ดีทางหนึ่ง ใช้เป็นไม้ตายสุดท้าย ควรทำในที่ลับ และอย่าพร่ำเพรื่อจนเกินไป)
  
วัยรุ่นกับการมีเพศสัมพันธ์และการคุมกำเนิด
  
วัยรุ่นเป็นวัยที่อยากรู้อยากเห็นโดนเฉพาะเรื่องเพศ การหาทางออกที่ดีจากการหมกหมุนเรื่องเพศ เช่นการออกกำลังกาย การเล่นกีฬา การอ่านหนังสือ การร้องเพลง หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่เหมาะสม ที่สามารถหันเหหารหมกหมุนเรื่องเพศ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่การป้องกันเมื่อจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งที่ต้องให้วัยรุ่นทราบเพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ตลอดจนป้องกันภาวะการตั้งครรภ์ในวัยมี่ไม่สมควรหรือในสภาพที่ไม่พร้อม การป้องกันการตั้งครรภ์หรือคุมกำเนิดมีหลายวิธีความแตกต่างกัน เช่น
  
- การใช้ห่วงกำเนิด ป้องการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 98%
  
- การรับประทานยาคุมกำเนิด ป้องกันการตั้งครรภ์ประมาณ 95%
  
- การฉีดยาคุมกำเนิด ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 99%
  
- การใช้หมวกครอบปากมดลูก ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 80%
  
การใช้ยาฝังคุมกำเนิดได้ผิวหนังบริเวณต้นแขน ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 99%
  
- การใช้ถุงยางอนามัยในผู้ชาย ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 86%
  
- การใช้ยาฆ่าสเปริม์ฉีดล้าง ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 74%
  
- การหลั่งภายนอกช่องคลอด ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 60-80%
  
- การนับวันที่ไข่ตกเพื่อนับระยะปลอดภัย ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 70-75%
  
จากข้อมูลประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์วิธีต่างๆ ก็ไม่ได้ป้องกันได้ 100% ดังนั้นการมีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นเป็นสิ่งที่ไม่สมควร เพราะไม่พร้อมทั้งวุฒิภาวะและฐานะทางเศรษฐกิจ สังคม จึงไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันสมควร และเป็นสิ่งที่ควรยกเว้นหรือไม่ควรทดลองปฏิบัติคำกล่าวที่ว่า อดข้าวจนถึงคาดชีวาวายแต่ไม่ตายเพราะอดเสน่หา เพราะเพศสัมพันธ์ไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในวัยดังกล่าวแต่การเล่าเรียนเขียนอ่านซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นและทำให้เป็นรากฐานทางอาชีพที่ดีในอนาคต
  
การคุมกำเนิดที่สมารถหาได้ง่ายๆ และช่วยป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่ดีที่สุด คือการใช้ถุงยางคุมกำเนิดในฝ่ายชาย โดยจะป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่นหนองใน ซิฟิลิส และเอดส์ ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ แต่การใช้ถุงยางต้องไม่ใช่สารหล่อลื่นอื่นๆ ที่มีผลทำให้ถุงยางเสื่อม เช่น โลชั่น ครีมบำรุงผิว น้ำมัน หากจำเป็นต้องใช้สารหลอลื่นต้องใช้เจลหล่อลื่นที่ไม่มีผลต่อถุงยาง นอกจากนั้นการสวมใส่ถุงยางที่ถูกวิธีเป็นสิ่งที่จำเป็นซึ่งมีอธิบายในกล่องถุงยางอยู่แล้ว และเมื่อเสร็จกิจหรือฝ่ายชายหลั่งแล้วควรดึงอวัยวะเพศออกมาในขณะที่แข็งตัวตัวอยู่ เพื่อหลีกเลี่ยงการรั่วไหล และบางกรณีอาจต้องสวมถุงยาง 2 ชั้น ในกรณีที่จำเป็น แต่ประสิทธิภาพการป้องกันการตั้งครรภ์อาจไม่ถึง 100% เพราะสาเหตุข้างต้น แต่ก็เป็นการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่ดี ดังจะมีคำสอนในหมู่ภรรยาที่มักจะกล่าวกับสามีว่า “ ริจะเที่ยวต้องหัดป้องกัน อย่านำเชื้อโรคมาแพร่ให้เมีย “ ซึ่งเป็นคำสอนที่ดีในภาวะปัจจุบันที่โรคเอดส์หากติดมาแล้วถึงตายได้ และทำให้ลูกเมียเดือดร้อน
  
การคุมกำเนิดในหมู่วัยรุ่นที่นิยมอีกวิธีคือ การใช้ยาคุมหลังร่วมหรือยาคุมฉุกเฉิน ปกติที่นิยมใช้ในท้องตลาด คือ ยา levonorgestrel ขนาด 750 ไมโครกรัมซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชนิดโปรเจสติน ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ประมาณ 85% โดยยามีกลไกการออกฤทธิ์ คือ การยับยั้งการตกไข่ในกรณีที่ใช้ในช่วงเวลาครึ่งแรกของรอบเดือนหรือการเปลี่ยนแปลงเยื่อบุมดลูกทำให้เกิดการฝังตัวของไข่ที่ถูกผสม หรือรบกวนหน้าที่ของเยื่อบุผนังมดลูก และอาจมีการยับยั้งการผสมตัวของไข่กับอสุจิ รบกวนการเคลื่อนที่ของไข่กับอสุจิ ทำให้หมู่ปากมดลุกข้นเหนียว และการกินยาคุมหลังร่วมมีผลข้างเคียงที่พบบ่อย คือ คลื่นไส้พบประมาณ 16% อาเจียน 3% และที่พบบ่อยคือ ภาวะรอบเดือนผิดปกติช้าหรือเร็วกว่าเดิม ซึ่งมีคำแนะนำหรือข้อที่พึงระมัดระวังการใช้ยาคุมหลังร่วม ดังนี้
  
- ต้องรับประทานยาเม็ดแรกให้เร็วที่สุด ซึ่งไม่เกิน 72 ชั่วโมง หลังมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งปกติจะแนะนำให้กินหลังมีเพศสัมพันธ์ 1 ชั่วโมง และอีกเม็ดหนึ่งใน 12 ชั่วโมงต่อมาหากรับประทานช้ากว่ากำหนดไป 12 ชั่วโมงให้ประสิทธิภาพยาคุมกำเนิดลดลง 50%
  
- ประสิทธิภาพของยาในการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่ได้ 100% จึงควรวิธีคุมกำเนิดอื่นๆ ร่วม เช่น การใส่ถุงยางในผู้ชายและยังช่วยลดการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้
  
- ประจำเดือนรอบถัดไปอาจมาช้าหรือเร็วกว่าเดิมหรือตรงตามเวลาปกติก็ได้ กรณีที่มาช้ากว่าปกติ 2-3 สัปดาห์ควรทดสอบว่าตั้งครรภ์หรือไม่ และในขณะที่รอรอบเดือนมาควรใช้ถุงยางอนามัยหากมีเพศสัมพันธ์
  
- กรณีที่ปวดท้องน้อยอย่างรุนแรงหรือมีเลือดออกมากต้องพบแพทย์ โดยเฉพาะหาก 3 สัปดาห์ต่อมามีเลือดออกผิดปกติหรือไม่มีหรือมีระยะสั้นๆ กว่าปกติมาก
  
- ไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินเกิน 2 ครั้ง (4 เม็ด ) ในหนึ่งเดือนและไม่แนะนำให้ใช้ประจำในการป้องกันการตั้งครรภ์เมื่อมีเพศสัมพันธ์อย่างเป็นประจำซึ่งผิดวัตถุประสงค์ของข้อบงชี้ของยา การใช้ยาอย่างพร่ำเพรื่อทำให้รอบเดือนผิดปกติได้
  
- เมื่อมีการตั้งครรภ์พบว่ายานี้ไม่มีผลทำให้เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์
  
อย่างไรก็ตามการใช้ยาคุมกำเนิดควรได้รับการตรวจร่างกายและพบแพทย์ก่อนใช้ โดยเฉพาะกรณีที่ต้องใช้เป็นประจำ ซึ่งการกินยาคุมกำเนิดเป็นวิธีที่คุมกำเนิดที่สะดวกราคาถูกไม่ต้องผ่าตัด จึงได้รับความนิยมในสตรีที่ต้องการคุมกำเนิดอย่างปลดอภัยและหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ แต่ท้ายที่สุดในหมู่วัยรุ่นเองไม่ควรริมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนหรือมีค่านิยมในการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันสมควรอันจะก่อให้เกิดปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์และอาจทำให้เกิดโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะการติดเอดส์ ซึ่งจะทำให้เสียอนาคตและถึงแก่ชีวิตในวัยก่อนอันควรเพราะเอดส์ไม่มียารักษาให้ขาดได้ แต่ป้องกันได้โดยสวมถุงยางเมื่อจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง ท้ายที่สุด วัยรุ่นปัจจุบันมีความคิดเป็นของตนเอง มีความคิดอ่านที่มีเหตุผลมากขึ้นและสังคมไทยเป็นสังคมที่มีค่านิยมเรื่องเพศ ไม่ให้ชิงสุกก่อนห่าม หรือ การรักนวลสงวนตัวของเพศหญิงสิ่งเหล่านี้จะเป็นเกราะกำบังป้องกันภาวะตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Protected sex in school



ผลของการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร

      วัยรุ่นที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรมักไม่ได้คิดถึงผลที่จะเกิดตามมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่สำคัญ ได้แก่
1.  
การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ในช่วงวัยรุ่นการเจริญเติบโตและความสมบูรณ์ทางร่างกายทำให้เกิดความพร้อม
ทางภาวการณ์เจริญพันธุ์สูงมาก ดังนั้น เมื่อมีเพศสัมพันธ์จึงทำให้มีโอกาสให้กำเนิดชีวิตใหม่ หรือการตั้งครรภ์ก็มี
สูงมากด้วย  การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ของวัยรุ่น เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เป็นการตั้งครรภ์ใน
ขณะที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่มีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน จึงก่อให้เกิดปัญหาตามมาอย่างมากทั้งทางด้านครอบครัว
เศรษฐกิจ และสังคม และปัญหาการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์นี้ส่งผลกระทบต่ออนาคตของวัยรุ่นอย่างมากด้วย
ลักษณะของปัญหาจากการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์มีดังนี
1.1    ฝ่ายหญิงที่เป็นฝ่ายที่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่กำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่  เมื่อตั้งครรภ์ขึ้นมาก็ไม่อาจศึกษาเล่า
เรียนต่อไปได้ ทำให้ต้องออกจากการศึกษากลางคัน ซึ่งก็หมายถึงอนาคตการเรียนก็หมดไปอย่างสิ้นเชิงบางรายเมื่อ
ตั้งครรภ์ก็ไม่กล้าบอกพ่อแม่ ผู้ปกครองทราบแต่ก็ไม่สามารถปกปิดได้ตลอดไป จึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านไป
เผชิญชีวิตด้วยตนเอง เมื่อคลอดลูกก็จะเกิดปัญหาตามมามากมาย โดยเฉพะาปัญหาทางเศรษฐกิจและปัญหาสังคม
1.2    ในบางกรณีตัดสินใจทำแท้งเพื่อยุติการตั้งครรภ์โดยหวังว่าเมื่อไม่ตั้งครรภ์แล้วจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตและ
ศึกษาเล่าเรียนได้ตามปกติ ในความเป็นจริงแล้วการทำแท้งเป็นเรื่องที่ผิดทั้งทางด้านศีลธรรม กฎหมาย และค่านิยม
ของสังคม และที่สำคัญที่สุดคือ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพ ในบางรายที่ทำแท้งโดยผู้ทำไม่ใช่แพทย์อาจเป็น
อันตรายรุ่นแรง เช่น ตกเลือด ติดเชื้ออย่างรุ่นแรง ทำให้เสียชีวิตได้ หรือบางรายอาจต้องผ่าตัด ตัดมดลูกทิ้งทำให้ไม่
สามารถตั้งครรภ์ได้อีกเลยตลอดชีวิต
1.3    ในบางกรณี เมื่อตั้งครรภ์ขึ้นมาจะทำให้เกิดภาวะจำยอมที่ต้องแต่งงานกัน โดยทั้งสองฝ่ายยังไม่มีความพร้อม
สำหรับการใช้ชีวิตคู่ที่ต้องมีภาระเลี้ยงดูบุตร ทำให้เกิดปัญหาครอบครัวซึ่งนำไปสู่การหย่าร้างในที่สุด
2.  การติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้เกิดการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
ที่สำคัญคือ โรคในกลุ่มกามโรคและโรคเอดส์ โดยเฉพาะโรคเอดส์เป็นโรคที่กำลังแพร่ระบาด และทำให้เกิดปัญหา
ทางสังคมอย่างมาก ทั้งยังเป็นโรคที่ไม่มียาหรือวิธีการรักษาที่ทำให้หายขาดได้ และไม่มีวัคซีนสำหรับป้องกันโรคนี้
การติดเชื้อโรคเอดส์จึงทำให้เกิดปัญหาสุขภาพและปัญหาสังคมตามมา ทั้งยังทำลายอนาคตอีกด้วย
ความสำคัญของการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
                การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลดภัย หมายถึง การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาตามมาหรือจากการมีเพศ
สัมพันธ์ได้แก่ ปัญหาการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะโรคเอดส์และโรคในกลุ่มกามโรค และเกิด
การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์
                ในกรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ได้จริง ๆ ก็ควรมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
                การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยมีความสำคัญอย่างมากในการช่วยป้องกันปัญหาจากการมีเพศสัมพันธ์
คือ ป้องกันการติดเชื้อโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ และป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์
อุปกรณ์ที่ช่วยให้มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยคือ ถุงยางอนามัย หรือคอนดอม
ถุงยางอนามัย จัดให้เป็นเครื่องมือแพทย์ชนิดหนึ่งที่ช่วยทำให้มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยได้ สิ่งสำคัญในการใช้
ถุงยางอนามัยคือ การเลือกถึงยางอนามัยและการใช้ถึงยางอนามัยอย่างถูกต้อง


ภูมิคุ้มกันชีวิต : การป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร


         น้องๆ เยาวชนคงจะได้รับรู้เกี่ยวกับเพศศึกษากันมาบ้างนะครับ.....นับว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้ามเลย ซึ่งในวัยนี้อะไรๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะฮอร์โมนในร่างกาย มีผลกระตุ้นให้มีความสนใจกับเพศตรงข้าม รวมทั้งแรงขับตามธรรมชาติ ที่ทำให้ใคร่รู้ ใคร่ลอง ในเรื่องเพศ จนเป็นปัญหาที่วัยรุ่นปัจจุบันประสบปัญหากันมากมาย ในโอกาสนี้เมนู "ภูมิคุ้มกันชีวิต" ขอนำเสนอกลวิธีการป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันสมควร ให้น้องๆ เยาวชนได้รับรู้ไว้เป็นเกราะป้องกันตนเพื่อชีวิตที่ดีกว่า...มีคุณค่า น่านับถือตนเองได้ มาเรียนรู้ถึงบันได 13 ขั้น นำพาให้พ้นภัยได้ ดังนี้

         1. เรียนรู้ถึงความคิดต่างกันของหญิงชายในเรื่องเพศ
         ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์ได้โดยไม่มีความรัก ขณะที่ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์เพราะความรัก ผู้ชายมองการมีเพศสัมพันธ์ว่าเป็นการหาความสุขร่วมกันและไม่ต้องผูกพัน ขณะที่ผู้หญิงเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับชายใดจะต้องการมีความผูกพันกับชายคนนั้น หลังจากมีเพศสัมพันธ์ ผู้ชายไม่ได้คิดว่าจะต้องมีความผูกพันอะไรต่อไป ขณะที่ผู้หญิงคิดว่าเมื่อมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว เธอจะต้องมีความผูกพันกับชีวิตเขา จึงเรียกความรับผิดชอบจากผู้ชาย ความตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างชายหญิง จะเป็นการป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่คาดคิด ซึ่งจะนำปัญหาต่าง ๆ มากมายที่ยากแก่การแก้ไข

         2. วัยรุ่นชายควรคิดเสมอว่าวัยรุ่นหญิงเป็นเพศเดียวกับแม่ พี่น้อง ควรช่วยเหลือและให้เกียรติ

         3. ควรหลีกเลี่ยงการถูกเนื้อต้องตัว เพราะอาจนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่คาดคิดได้

         4. ควรหลี่กเลี่ยงการไปพักค้างคืนร่วมกันเป็นหมู่คณะ หรือตามลำพังโดยไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแล

         5. ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ด้วยกันตามลำพังในที่ลับตาคน

         6. ควรหลีกเลี่ยงการไปในสถานที่เปลี่ยว โรงแรมและสถานเริงรมย์ทุกรูปแบบ

         7. ควรหลีกเลี่ยงการมีนัดหมายกับเพศตรงข้ามในยามวิกาล

         8. ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสารเสพติดทุกชนิด

         9. วัยรุ่นหญิงควรแต่งกายเรียบร้อย และมิดชิด ไม่ควรแต่งกายในลักษณะที่ยั่วยุ ให้ผู้พบเห็นเกิดอารมณ์ทางเพศ เช่น เสื้อสายเดี่ยว เสื้อเกาะอก กระโปรงสั้น และกางเกงรัดรูปเกินไป

         10. หลีกเลี่ยงการคบเพื่อนหรือออกเที่ยวกับเพื่อนต่างเพศที่ไม่รู้จักดีพอ

         11. ควรหลีกเลี่ยงการออกเที่ยวหรือเดินทางในยามวิกาล หรือการเดินทางในที่เปลี่ยว

         12. วัยรุ่นชายหญิงควรวางตัวต่อกันอย่างสุภาพ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน และไม่ควรมีการล่วงเกินทางเพศ หรือวางตัวสนิทสนมใกล้ชิดเกินไป

         13. การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ในสถานการณ์ที่เหมาะสม(การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง เป็นทางออกที่ดีทางหนึ่ง ใช้เป็นไม้ตายสุดท้าย ควรทำในที่ลับ และอย่าพร่ำเพรื่อจนเกินไป)


(คัดลอก: จากบทความรณรงค์วันเอดส์โลก; นพ.สุรศักดิ์ โควสุภัทร์.โรงพยาบาลหนองคาย)


ขอขอบคุณข้อมูลจาก